ในงานเลี้ยงอาหารค่ำการกุศลก่อนการเลือกตั้งปี 2551 บารัค ฮุสเซน โอบามา กล่าวอย่างติดตลกว่า
“ผมได้ชื่อกลางนี้มาจากคนที่ไม่คิดว่าผมจะสมัครตำแหน่งประธานาธิบดี”
โอบามา ตั้งใจประชดสื่อ ที่ให้ความสนใจกับชื่อของเขา ด้วยความพยายามป้ายโคลนให้โอบามาดูเป็นคนต่างด้าว อีกทั้งคำว่า ฮุสเซน ในชื่อของโอบามา ก็ต่างกันแค่ตัวอักษรเดียวกับผู้ที่ถูกต้องการตัวมากที่สุดของ FBI ในขณะนั้น (ซัดดัม ฮุสเซน) ซึ่งก็ทำให้ชื่อนั้นแย่ลงไปอีก (นั่นอาจอธิบายได้ว่า โอบามาถึงไม่ใช้ชื่อกลางอย่างเปิดเผย และถือว่าโชคดีไปที่เป็นแค่ชื่อกลาง)
ในขณะที่การมีอคติกับใครบางคนจากการได้ยินชื่อของเขา อาจดูไม่ยุติธรรม แต่คนเราก็ใช้มันตัดสินใจกันอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งบรูนิง บันทึกว่า คนที่มีชื่อจีนในอเมริกา จะถูกมองว่าต้องเก่งคณิตศาสตร์ ทำให้นายจ้างที่กำลังมองหาโปรแกรมเมอร์คอมพิวเตอร์ อาจดันใบสมัครคนนั้นไปที่ด้านบนของกองถ้าพวกเขาเห็นชื่อภาษาจีนในใบสมัครงาน
ชื่อไม่เพียงแต่บอกถึงพื้นเพของคุณ บรูนิง ยังบอกอีกว่า เรายังเชื่อมโยงชื่อ กับความสามารถในการทำงาน “ใครจะเป็นนักอเมริกันฟุตบอลที่เก่งกว่า” เขาถาม “คนที่ชื่อบลองโก้ หรือโคล หรือจะชื่อฟรานซิส หรือเพอซิวาล ดีล่ะ?”
ความคิดด้านเดียวแบบนี้ ที่หลายคนเป็นกัน อธิบายได้ว่า ทำไมบางคนถึงเลือกอาชีพที่เหมาะสมกับชื่อของตัวเองกันมากมาย ปรากฏการณ์นี้ (มีบ่อย) จนถูกขนานนามว่า ‘Nominative Determinism’ หรือถ้าแปลตรงๆ ก็ต้องบัญญัติใหม่ว่า “ชื่อชี้ชะตา” เช่น นักวิ่งลมกรด ยูเซียน โบลท์ (Bolt แปลว่า สายฟ้า) เป็นต้น
สรุปแล้ว "ชื่อ ส่งผลให้เกิดความคาดหวัง" กล่าวโดย ศาสตราจารย์เจมส์ บรูนิง มหาวิทยาลัยโอไฮโอ
และถ้าพ่อแม่ยังมองหาตั้งชื่อให้ลูกสาว ลูกชายอยู่ หรืออยากได้ไอเดียใหม่ๆ ทางดูเม็กซ์มีชื่อแนะนำ และเคล็ดลับการตั้งชื่อลูก และโปรแกรมตั้งชื่อลูก https://www.dumex.co.th/babynaming.html
แหล่งที่มาบทความ: https://www.sciencefocus.com/science/the-name-game-how-names-spell-success-in-life-and-love/