การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับทารก และการรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ/โภชนาการของมารดาก็มีความสำคัญเมื่อให้นมลูก
การตัดสินใจไม่ให้นมลูกอาจเป็นเรื่องยากที่จะแก้ไข นมผงสำหรับทารกเหมาะตั้งแต่แรกเกิดเมื่อทารกไม่ได้กินนมแม่ ขอแนะนำให้ใช้นมสูตรทั้งหมดตามคำแนะนำของแพทย์ พยาบาลผดุงครรภ์ ผู้มาเยี่ยมเยียนด้านสุขภาพ พยาบาลสาธารณสุข นักโภชนาการ เภสัชกร หรือผู้เชี่ยวชาญอื่นๆ ที่รับผิดชอบในการดูแลแม่และเด็ก
และควรคำนึงถึงผลกระทบทางการเงินด้วย ควรปฏิบัติตามคำแนะนำในการเตรียมและการให้อาหารทั้งหมดอย่างระมัดระวัง เนื่องจากการจัดเตรียมที่ไม่เหมาะสมอาจนำไปสู่อันตรายต่อสุขภาพได้
ไม่ว่าจะกับเด็กเล็กหรือเด็กโต คำพูดของพ่อแม่หรือคนเลี้ยงดูใกล้ชิด ล้วนมีอิทธิพลต่อพัฒนาการเด็กด้านความคิดความอ่าน และพฤติกรรมของลูกได้ทั้งสิ้น
บางครั้งคุณพ่อ คุณแม่ก็อาจเผลอพูดอะไรที่ไม่ควรออกไปโดยไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งสามารถสร้างแผลในใจให้กับลูกได้ และทำให้พัฒนาการลูกมีปัญหาขาดความมั่นใจเมื่อโตขึ้นได้ ดังนั้น ลองมาทำความเข้าใจ และฝึกตัวเองถึงสิ่งที่ไม่ควรพูดกับลูกทั้ง 5 ข้อต่อไปนี้
เราคงเคยได้ยิน หรืออดไม่ได้ที่จะพูด พอเห็นลูกคนอื่นทำดีกว่าลูกเรา เช่น “ทำไมไม่เห็นน่ารักเหมือนน้องคนข้างบ้านเลย” หรือ “น้องคนนั้นเขายังทำได้เลย ทำไมเราทำไม่ได้” เป็นต้น
การพูดเปรียบเทียบในลักษณะนี้ จะไม่ช่วยกระตุ้นพัฒนาการเด็ก หรือผลักดันให้ลูกคุณทำได้ดีขึ้นแต่อย่างใด แต่จะกลายเป็นทำร้ายจิตใจของลูกแทน ทำให้ลูกของคุณรุ้สึกว่าตัวเองไม่ดีพอ ไม่เก่งพอ ด้อยค่า และสร้างปมด้อยให้เขา กลายเป็นเด็กไม่กล้าแสดงออกเพราะคอยแต่จะเปรียบเทียบกับคนอื่น และแย่กว่านั้น อาจสร้างนิสัยอิจฉา บางครั้งอาจก้าวร้าว ต่อต้านสิ่งที่พ่อแม่สอน ดังนั้นพ่อแม่ควรส่งเสริมให้ลูกเก่งในแบบของตัวเอง ค้นหาความเป็นตัวเอง ทำในสิ่งที่ถนัด และให้เข้าใจว่า ส่งเสริมให้กำลังใจเมื่อลูกทำได้ดี และไม่เปรียบเทียบลูกกับเด็กคนอื่น
ไม่น่าจะมีพ่อแม่คนไหนที่ไม่เคยพูด “ไม่” “อย่าทำ” หรือ “หยุดนะ” ในการสั่งลูก โดยเฉพาะเวลาที่ลูกไม่ฟัง คำพูดเหล่านี้ สามารถทำให้ลูกเป็นคนไม่กล้าคิด ไม่กล้าทำได้ แต่คุณพ่อคุณแม่มีทางเลือกในการพูดที่ดีกว่านี้ ด้วยการอธิบายให้ลูกฟังถึงเหตุและผล หรืออะไรที่ดีกว่าการทำแบบนั้นแบบนี้ เช่น เดินจับมือไปด้วยกันดีกว่า ลูกจะได้ไม่หลงทาง แทนที่จะพูดว่า อย่าวิ่ง อย่าเดิน หรือ สั่งให้จับมือไว้เฉยๆ โดยไม่บอกเหตุผล หรือ เก็บของเล่นให้เรียบร้อยนะลูก ห้องจะได้น่าอยู่ แทนประโยคว่า อย่าทิ้งของเรี่ยราดนะ โดยไม่ให้เหตุผล เป็นต้น
การพูดขู่ลูกของคุณบ่อยๆ สามารถสร้างนิสัยลูกให้เป็นคนชอบหวาดกลัวสิ่งรอบตัว ส่งผลเสียต่อพัฒนาการด้านความคิด การใช้เหตุผล ทำให้จิตใจเปราะบาง เมื่อต้องเจอกับปัญหา เด็กจะไม่กล้าคิดแก้ปัญหาด้วยตัวเองเพราะขาดความมั่นใจ และอาจทำให้ลูกเข้าใจผิดว่าการได้มาซึ่งความรักจะต้องมีเงื่อนไขก่อน ซึ่งอาจส่งผลให้ลูกสูญเสียความนับถือในตัวเองและผู้อื่นได้
ดังนั้น แทนที่จะขู่ลูก เช่น เดี๋ยวพ่อแม่ไม่รักนะ เดี๋ยวเอาของเล่นไปทิ้งนะ ควรพูดอธิบายเหตุผลด้วยความเป็นจริงว่าทำไม ถึงทำไม่ได้ ให้ลูกเข้าใจแทนการพูดขู่ลูก จะช่วยให้ลูกมีความมั่นใจ กล้าคิด กล้าตัดสินใจ และไม่กลัวกับการเผชิญหน้ากับปัญหา
พ่อแม่ไม่ควรพูดขู่เข็ญ เช่น ทำไมแค่นี้ถึงทำไม่ได้ ทำไมไม่ได้เรื่องเลย ทำไมลูกถึงขี้เกียจแบบนี้ ต้องขยันกว่านี้สิ เพราะประโยคเหล่านี้ จะทำให้ลูกเครียด รู้สึกกดดันมีปมด้อย ไม่มีคุณค่า มองโลกในแง่ร้าย ไม่ไว้ใจใคร หากลูกถูกบังคับมากๆ ก็จะพยายามทำให้สำเร็จจนบางครั้ง ความสำเร็จอาจจะเกิดจากวิธีการที่ไม่ถูกต้อง
ดังนั้น แทนที่จะบังคับขู่เข็ญ ควรเปลี่ยนเป็นให้กำลังใจแทน ซึ่งนอกจากจะไม่ส่งผลเสียข้างต้นแล้วจะเป็นการแสดงความรัก ความเข้าใจ ความหวังดี ที่ส่งผลดีกว่าต่อจิตใจลูกอย่างมาก แถมยังสร้างความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นในครอบครัวอีกด้วย
เมื่อคุณพ่อ คุณแม่รู้สึกอารมณ์เสียกับสิ่งที่ลูกทำ เราก็อาจจะตวาดลูกโดยไม่รู้ตัว
ซึ่งเด็กจะจดจำกับคำพูดเหล่านี้ได้ และเลียนแบบความก้าวร้าวจากคุณพ่อคุณแม่
หากคุณพ่อคุณแม่เริ่มรู้สึกโมโห ให้ลองหยุดตัวเองด้วยการหายใจเข้าออกยาวๆ ทำใจให้สงบ และค่อยๆ อธิบายให้ลูกฟัง แต่ถ้าไม่สามารถหยุดอารมณ์โมโหได้จริงๆ ก็ควรออกจากตรงนั้น ให้ตัวเองสงบให้ได้ก่อน แล้วค่อยกลับมาพูดคุยกับลูกหรืออาจจะให้ท่านอื่น ช่วยดูแลแทน
เลือกขวดนำช้า จะทำให้พูดได้ช้า พูดไม่ชัด
https://www.samitivejhospitals.com/th/article/detail/สิ่งที่พ่อแม่ไม่ควรพูดกับลูก
ทุกคำถามที่คุณแม่อยากรู้ เราพร้อมให้คำแนะนำโดยผู้เชี่ยวชาญพยาบาล และนักโภชนาการ.